“ถ้าคิดจะให้รับผิดชอบ ฉันไม่ทำหรอกนะ อย่างมากก็แค่จะรับรองบุตร ส่วนเธอ… ฉันไม่มีวันรับเป็นเมีย”
มือเรียวกำแน่นกระทั่งซีดเผือด เจ็บช้ำระคนอับอายในคราวเดียวกัน
“ถ้าอย่างนั้นอัญเอาเด็กออกดีมั้ย!” เธอถามเสียงสั่นเครือ น้ำตานองเต็มใบหน้า
“ว่าไงนะ!!?” เขาถามย้ำคล้ายกับไม่อยากเชื่อหูตัวเอง
“อัญจะทำแท้ง”
----------------------
โปรย....
หญิงสาวขยับร่างกาย พยายามออกแรงให้เตียงยวบน้อยลงที่สุดเพราะไม่อยากรบกวนคนข้างกาย
“จะไปแล้วเหรอ”
เขายังไม่หลับ เพียงแค่ไม่ได้เอ่ยอะไรสักคำเลยนับตั้งแต่ผละกายออกจากกัน
“ค่ะ” เธอตอบพลางรวบเสื้อผ้าของตัวเอง กอดเสื้อผ้าไว้แนบกายเพื่อปกปิดความเปลือยเปล่า
ระหว่างกำลังสวมเสื้อผ้าเสียงทุ้มเอ่ยขึ้นแทรกความเงียบในความมืด
“ต่อไปนี้ เธอต้องเลิกยุ่งกับไอ้เปรมอย่างเด็ดขาด”
คำพูดหนักแน่นนั้นทำให้หัวใจเธอชาวาบ
“ถ้าไม่อยากให้ฉันบอกมันว่าเราเป็นอะไรกัน… อีกอย่าง เธอคงไม่อยากถูกมองว่าเป็นสมบัติผลัดกันชม ได้กับผู้ชายสองคนที่เป็นเพื่อนสนิทกัน แบบนั้นคงไม่เหมาะกับภาพลักษณ์ผู้หญิงแสนดีที่เธอสร้างไว้ตบตาแม่ฉันหรอกจริงไหม”
อัญรินทร์เม้มริมฝีปาก เขาเห็นเพียงเสี้ยวใบหน้าสวยภายใต้แสงสลัว จึงมองไม่เห็นว่าดวงตากลมโตมีม่านน้ำตากลบเต็มเบ้า
เขาไม่ได้เอ่ยคำพูดอ่อนโยนหลังช่วงเวลาที่ใช้ด้วยกัน ราวกับว่ามันไม่มีค่าเลยทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้แสดงออกราวกับว่าเธอมีค่ากับเขามากเหลือเกิน
“...”
“ว่าไงล่ะ” เขาทวงถามเมื่อยังไม่ได้คำตอบ
เธอสะท้านในอกพอจะตีความหมายการกระทำของเขาออกทีละน้อย และจำต้องยอมรับทั้งที่ไม่อยากยอมรับเลยสักนิดว่ามันแทบไม่มีอารมณ์ความรู้สึกเข้ามาเกี่ยวข้องเขาทำไปก็เพื่อกันท่าเธอออกจากเปรมวิชญ์
“ไม่กล้าสัญญาหรือไง”
คนถูกถามย้ำกลืนก้อนสะอื้น พยายามควบคุมน้ำเสียงให้ฟังเป็นปกติมากที่สุด
“ค่ะ อัญจะไม่ยุ่งกับพี่เปรม”
เขาเหลือบมอง มุมปากยกขึ้นแสดงอาการพึงพอใจคำตอบ
“ดีแล้วล่ะ”
“อย่างนั้น พี่เกรซสัญญาได้ไหมคะว่าจะไม่ให้น้ายารู้เรื่องของเรา”
“เฮอะ! ฉันคงจะบอกให้แม่รู้เพื่อจะถูกผูกมัดไว้กับเธอหรอกนะ” น้ำเสียงของเขาแสดงอาการเย้ยหยันอย่างเต็มที่ คางของเธอสั่นสะท้าน เพียงแค่เขาไม่เห็นเพราะหญิงสาวหันหลังให้ขณะเดินออกไปพ้นประตูห้องนอน
ทั้งหมดเป็นเพียงละครตบตา จุดหมายเดียวของเขาคือการประกาศความเป็นเจ้าของ กันเธอไม่ให้ข้องเกี่ยวกับเพื่อนของเขา มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับความรู้สึกลึกซึ้งอย่างที่เธอเข้าใจเลยสักนิด